วันพฤหัสบดีที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2556
forex ไม่ง่ายอย่างที่คิด
" Forex " หรือที่ผมรู้จักก็คือ ตลาดค่าเงิน ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ ซึ่งแม้ในปัจจุบันก็ยังไม่หลุดพ้นลำดับความเป็น "เม่า" เกิดข้อสงสัยว่าทำไม เมื่อไหร่ และ นานแค่ไหน เป็นคำถามที่ผมได้พยายามค้นหาคำตอบเรื่อยมา สิ่งที่ผมจะบอกเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดจากทัศนคติของผม ซึ่งเกิดขึ้นเพียงเพราะตลาด forex Forex เป็นตลาดที่อ่อนไหวได้ง่าย ถูกควบคุมด้วยความโลภและความกลัวของฝูงชน เป็นเรื่องง่ายที่จะเห็นใครต่อใครเทรดได้เกิน 100 % ของทุน แต่ยากที่จะเห็นกว่าที่จะเห็นคนเหล่านั้นรักษาเงินที่เกิดจากการ over-trade ให้ได้สืบไป ทำให้พึงระลึกได้ว่าตลาดนี้ไม่ทำให้ใครรวยอย่างรวดเร็ว กลายเป็นอัตราส่วนที่ไม่แน่นอน ว่า 3 /100 จะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จจากตลาดค่าเงินนี้ เข้าเรื่อง** ข้อที่ 1 ตลาดนี้เปลี่ยนแปลงอารมณ์อยู่เสมอ เพราะฉะนั้น หากคิดที่จะเป็น 3 % จะต้องหมั่นศึกษาอ่านข่าว และดูกราฟอยู่เสมอ ข้อที่ 2 อย่าเข้าออเดอร์บ่อยๆ เพราะยิ่งคุณเข้าออเดอร์บ่อยๆ โอกาสที่จะขาดทุนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ข้อที่ 3 เข้าสู่ตลาดในจุดที่ตัวเองรับความเสียงได้ สรุป คือ ต้องรอ จุดที่เรามั่นใจว่ากราฟจะมาถึง เช่น ในเทรนขาลง ให้รอกราฟขึ้นไปปรับฐาน เพราะไม่มีหุ้นตัวใดที่วิ่งโดยไม่หยุดพัก อย่ากลัวที่จะเข้าออเดอร์ไม่ทัน ข้อที่ 4 การทำ MM นั้นสำคัญมาก จงทำ MM ก่อนเทรดทุกครั้ง เทคนิดในการทำ MM ของผมคือ เทรด 0.1 % ของเงินที่มีทั้งหมด จงรู้ว่าตอนนี้คุณเทรดด้วยลอตเท่าไหร่ ขาดทุนได้กี่จุด และอย่าลืมกำหนดเป้าหมายกำไรให้ชัดเจนว่าจะเอากี่จุด ข้อที่ 5 cut loss ให้เป็น คำถามคือคุณ cut loss กันที่ กี่ % ของทุน อันนี้อยู่ที่แต่ล่ะคนแล้วครับ เพราะหากคุณเป็น technical แล้วเล่น scalping แล้ว cut loss ก็จะเร็วหน่อย แต่ถ้าเป็น fundamental อาจจะช้าหน่อย ทั้งนี้ต่างกันที่ lot และความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ข้อที่ 6 ความสำเร็จในอดีตไม่ได้บอกความสำเร็จในอนาคต เมื่อก่อนเทรดได้ มั่นใน เพิ่ม lot เพิ่มความเสี่ยง ผลออกมา DD ล้าง ทำไม?? ไม่มีคำตอบสำหรับคำถามข้อนี้ มีเพียงคติที่ว่า หากทุกคนเป็นคนเก่ง ก็ไม่มีใครขาดทุน ข้อที่ 7 Indicator แหมๆ พูดถึงสิ่งเหล่านี้ทุกคนคงรู้จัก ทั้ง MA , MACD ,RSI ,OSI ใครไม่เข้าใจก็มีสำนักจัดสอนเยอะแยะ ราคาเป็นกันเอง แต่จะมีซีกกี่คนที่รู้อย่างแท้จริง Indicator ทุกตัวย่อมมีที่หากินและที่ตาย หากรู้จักใช้ก็จะรู้เวลาหนี หากไม่รู้จักใช้ก็เจ้ง ปล. ดินดิเคเตอร์ส่วนมากที่ผมเคยใช้มาจะแพ้ความเป็นเทรน แต่ไม่ใช่ทุกตัวน่ะ ข้อที่ 8 let profile run 555 หากรู้จักคำนี้ก็จะไม่มีคำว่า กุไม่น่ารีบขายหมูเลย เซงๆๆ อดๆ ทำยังไงล่ะ ผมมีวิธีแก้ปัญหาเหล่านี้นอกจากการศึกษาความเป็นไปได้ของราคาแล้วก็คือ การเปิดลอตบวก เช่น ปกติคุณเทรด lot 10 ก็ให้แบ่ง lot 10 ออกเป็น lot 1 จำนวน 10 ตัว เช่นเมื่อคุณได้ PF รวม 1000 ที่จุดนี้ แต่คุณกลัวว่ากราฟจะไปต่อ อีกอย่าก็กลัวว่าจะขาดทุนในกำไร ก็ให้ปิดออเดอร์ ซํก 8 ตัว ก็ได้กำไรแล้ว 800 เหลือก็ถือต่อ เป็นการปกป้องผลกำไร ชัดๆ ข้อที่ 9 จิตวิทยา ทำไมๆๆ ทำไมต้องรู้ โอ้ยๆ เคยสงสัยป่าวว่าทำไมชอบมีแท่งยาวๆ ตลอดๆเป็นระยะๆ จริงๆมันมีชื่อเรียกน่ะแท่งเหล่านี้ เรียกว่าแท่งธนาคาร ชื่อก็บอกว่าของใคร ทีนี้รู้แล้วยังว่าทำไมต้องอ่านจิตวิทยา ข้อที่ 10 ข้อนี้ของผมไม่เหมือนใคร จำไว้ว่า วิทยาศาสตร์ คือธรรมชาติ และคือหุ้น ในขณะเดียวกัน ผมยกตัวอย่างเรื่องเดียวเท่านั้นที่เห้นได้ชัดคือ action = reaction ของ พี่ไอสไตน์ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า มีแรง short ก็ต้องมีแรง long ตามนั้น สองอย่างนี้ทำให้ตลาดเกิดความเป้นวัฐจักร มีขึ้นก็ต้องมีลง เห้อๆ เหนื่อยๆ ก่อนลากันไป ผมขอฝากคำกล่าวของพี่ภาววิทย์ กลิ่นประทุม หน่อยคับที่กล่าวไว้ว่า "ตอนเรียนใช้เงิน+เวลาเพื่อหา ความรู้ , ตอนทำงาน ใช้เวลา+ความรู้เพื่อหาเงิน, สุดท้าย เราก็ต้องใช้เงิน+ความรู้ เพื่อหาเวลา" ถูกต้องที่สุด ซึ่งตอนนี้ผมอยู่ในขั้น 1 ไป 2 แบบกึ่งๆ ..... ขอบคุณคับ
สิ่งสำคัญที่ Trader ต้องทำ
เป็นที่เชื่อกันว่า มากกว่า 50% ของผู้ที่เล่น Forex นั้นขาดทุนในระยะยาว แต่ก็ยังคงมีนักเล่น Forex
หน้าใหม่จำนวนมาก กระโดดเข้ามาในตลาด Forex ทำการซื้อขาย อย่างไร้หลักการ และขาดทุน
กลับไป เป็นที่หน้าแปลกใจที่ส่วนใหญ่ของ ผู้เทรดที่ขาดทุนนั้น ทำการเทรดเหมือนพนัน (ไม่ใช่การ
ลงทุน) เงินทุนของพวกเขา เข้าไปในตลาด Forex โดยไม่ได้มีการตรวจสอบกับหลักการเลย ไม่ว่าคุณ
จะมีประสบการณ์ หรือเป็นผู้เริ่มต้น กับตลาด Forex มีสิ่งที่จำเป็น "ต้องทำ" ในการเข้าเทรด Forex เพื่อ
บริหารความเสี่ยงอย่างฉลาด และเพิ่มโอกาสในการทำกำไร อ่านต่อ
หน้าใหม่จำนวนมาก กระโดดเข้ามาในตลาด Forex ทำการซื้อขาย อย่างไร้หลักการ และขาดทุน
กลับไป เป็นที่หน้าแปลกใจที่ส่วนใหญ่ของ ผู้เทรดที่ขาดทุนนั้น ทำการเทรดเหมือนพนัน (ไม่ใช่การ
ลงทุน) เงินทุนของพวกเขา เข้าไปในตลาด Forex โดยไม่ได้มีการตรวจสอบกับหลักการเลย ไม่ว่าคุณ
จะมีประสบการณ์ หรือเป็นผู้เริ่มต้น กับตลาด Forex มีสิ่งที่จำเป็น "ต้องทำ" ในการเข้าเทรด Forex เพื่อ
บริหารความเสี่ยงอย่างฉลาด และเพิ่มโอกาสในการทำกำไร อ่านต่อ
ข้อแรกในการเก็งกำไร Protect Your Money First
ในช่วงที่ผมพักไป หาตัวอย่างเกี่ยวกับ Point and Figure Chart มาให้ดู ก็ไปเจอบทความดีๆ ที่
แมงเม่าคลับเกี่ยวกับทัศนคติเรื่องการเก็งกำไร เรื่องนี้สำคัญมาก นักเก็งกำไรยิ่งใหญ่หลายๆคน
มีทัศนคติเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร และการ Stoploss ให้ถูกที่ถูกเวลาสำคัญขนาดไหน
หลังจากเขียน Point and Figure เสร็จผมจะพยายามรวบรวมบทความเกี่ยวกับเรื่องการ
Stoploss ว่ามันสำคัญอย่างไรในการเริ่มเล่นหุ้น และเราจะเผชิญหน้ากับความกลัวกับเรื่องนี้
อย่างไร
“Survive first, Profit later”
อยู่ให้รอดก่อน แล้วค่อยทำกำไร” “
จอร์จ โซรอส
"Don't Focus on making money, Focus on protecting what you have"
อย่ามุ่งมั่นกับการ ทำกำไรเกินไป จงให้ความสำคัญที่จะรักษาเงินต้นคุณมากกว่า" "
Paul Tudor Jones
การทำกำไรนั้นไม่ใช่ เป้าหมายที่สำคัญที่สุด ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญกว่านั้น และสิ่งที่สำคัญกว่า
การทำกำไรก็คือ การรักษาเงินทุนของคุณเอาไว้ การรักษาเงินทุนของคุณเอาไว้คือสิ่งที่สำคัญ
กว่า ! ผมจะยกตัวอย่างจากคำพูดของเซียนหุ้นบางคนให้คุณฟัง และคนที่พูดไว้ได้ดีคนหนึ่งก็คือ
Paul Tudor Jones… Paul Tudor Jones คือเซียนหุ้นคนหนึ่งซึ่งเคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ใน
หนังสือ The Market Wizards ซึ่งเขียนโดย Jack Schwager เมื่อปี 1989 ตัวของ Paul
Tudor Jones นั้น โด่งดังขึ้นมาจากการที่เขาเป็นผู้จัดการกองทุน เพียงไม่กี่คนที่สามารถทำ
กำไรได้มากกว่า 100% ติดต่อกันถึง 5 ปี มากกว่า 100% ติดต่อกันในเวลา 5 ปีเชียวนะครับ ซึ่ง
ในช่วงกลางปี 80 นั้น หากคุณลงทุนในกองทุนของเขา 4 ปีเงิน $ 1,000 จะกลายเป็นเงินถึง
ประมาณ $ 17,500 เขาคือคนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งในตลาดหุ้นเลยทีเดียว แต่
ถึงแม้ว่าเขาจะประสบความสำเร็จอย่างมากก็ตาม คำแนะนำของเขากลับดูง่ายดายเหลือเกิน เขา
พูดว่า “อย่าคิดแต่จะทำกำไร แต่คิดว่าจะรักษาเงินทุนของคุณไว้ได้อย่างไร” แน่นอนครับ ! การ
ทำกำไรนั้นสำคัญ แต่การรักษาเงินทุนเอาไว้นั้น สำคัญกว่า
Steven Waugh อดีตกัปตันทีมคริกเก็ตของออสเตรเลียนั้น เคยถูกถามไว้ว่า อะไรคือคำแนะนำ
ที่ดีที่สุดของคุณ? เขาพูดง่ายๆ ว่า “อย่าบุกมากเกิน ไป” ซึ่งสิ่งที่ Waugh ต้องการที่จะบอกก็
คือ… “อย่าคิดแต่จะทำแต้ม แต่จงป้องกันให้ดีก่อน” แน่นอนการทำคะแนนนั้นสำคัญ แต่ก็มีสิ่ง
หนึ่งที่สำคัญกว่า นั่นคือการรักษาแต้มของเราไว้ ! เช่นกันครับ การทำกำไรนั้นสำคัญ แต่สิ่ง
สำคัญกว่านั้นคือ… รักษาเงินทุนเริ่มต้นของคุณเอาไว้ ถ้าคุณเสียมันไป คุณจะไม่มีเงินไว้ทำ
กำไรอีกเลย ซึ่งผมต้องเสียใจกับคุณด้วย คุณควรต้องเปลี่ยนทัศนคติของคุณใหม่ จากการมอง
โลกในแง่ดีเกินไปในเรื่องของความเสี่ยง จงเล่นเกมรับ ! รักษาเงินทุนของเราเอาไว้ จงตั้งจุดตัด
ขาดทุนเอาไว้ ! ต้องจัดสรรเงินทุนของเราให้เหมาะกับความเสี่ยง และจัดการกับความเสี่ยงของ
เราให้ดี
นี่คือประโยคต่อไปที่คุณควรจะจำไว้จาก Ed Seykota เซียนหุ้นอีกคนซึ่งได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้
เขาบอกไว้ว่ามี 3 สิ่งที่สำคัญในการเก็งกำไร โดยจากผลการลงทุนในช่วง 16 ปีของเขาหรือ
ตั้งแต่ประมาณปี 73 ถึงประมาณปลายปี 80 นั้น กองทุนของเขาทำผลงานได้อย่างเยี่ยมยอด
มาก โดยการเติบโตขึ้นถึง 250,000% นี่เป็นผลงานที่น่านับถือมากๆ แต่คำแนะนำของเขานั้น
ง่ายเหลือเกิน เขาบอกว่ามีอยู่ 3 สิ่งที่สำคัญในการเก็งกำไร นั่นคือ “ตัดขาดทุน ตัดขาดทุน และ
ตัดขาดทุน !!”
ผมมีอีก ประโยคที่น่าสนใจ “การตัดขาดทุน คือกุญแจสำคัญในการทำกำไร” นั่นหมายความว่า
การจะทำกำไรให้ได้นั้น คือการไม่ปล่อยให้เราขาดทุนมากเกินไป นี่เป็นลักษณะที่สำคัญของนัก
เก็งกำไรที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งคุณยังจะได้ยินต่อไปเรื่อยๆ นี่เป็นเพียงบางส่วนจากการให้
สัมภาษณ์ของพวกเขาในหนังสือ The Market Wizards ซึ่งผลการลงทุนของพวกเขาบางคนนั้น
แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำได้ ผมค่อนข้างโชคดีมากที่ได้รู้จักกับเซียนหุ้นท่านหนึ่งที่เคยให้
สัมภาษณ์ไว้ ในหนังสือ The Market Wizards เขาคือ Mark D. Cook ซึ่งไม่น่าเชื่ออีกว่า เขา
นั้นเป็นเพื่อนสนิทกับ Marty Schwartz เซียนหุ้นระดับโลกอีกคน เขาบอกกับผมว่า “Marty คือ
คนที่แพ้เก่งที่สุดที่คุณเคยเจอ” ผมอยากให้คุณลองคิดดูดีๆ สักครู่ สมมุติว่าคุณเป็นนักเล่นหุ้น
และถามผมว่า “อะไรคือคำแนะนำที่ดีที่สุด?” และผมบอกว่า “ผมอยากให้คุณเป็นคนที่แพ้เก่ง
ที่สุด” คุณอาจจะต่อยผมแล้วเดินจากไปก็ได้… “ผมต้องการให้คุณเป็นคนที่แพ้เก่งที่สุดครับ” ใน
การเก็งกำไร นั้น คนที่แพ้เก่งที่สุดต่างหาก… จะกลายเป็นผู้ชนะในระยะยาว Mark Cook บอก
กับผมว่า เขารู้จักเพื่อนคนนี้ดีที่สุด… “เขาเป็นคนที่ตัดขาดทุนได้เก่งที่สุด เท่าที่ผมได้เคยพบมา
โดยไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย !” เขาคือสุดยอดที่ผมเคยเจอ และสำหรับผู้ถูกสัมภาษณ์ไว้ใน
หนังสือคนอื่นๆ นั้น คำแนะนำของพวกเขาก็ง่ายๆ เช่นกัน นั่นคือการเรียนรู้ที่จะตัดขาดทุน
สิ่งสำคัญที่สุดในการ ทำกำไร คือการไม่ปล่อยให้ขาดทุนมากจนเกินไป พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้
ฉลาดไปกว่าคุณบางคนเลย… มีใครบ้างไหมที่เคยขาดทุนในห้องนี้? ผมคิดว่าทุกคนคงจะยกมือ
ขึ้นใช่ไหมครับ พวกเราเคยขาดทุนกันมาแล้วทั้งนั้น แน่นอน มันไม่มีความสุขแน่ๆ แต่สิ่งที่สำคัญ
ที่สุด… คือการเรียนรู้ที่จะตัดขาดทุน พวกเราทุกคนรู้ดีว่าเมื่อเราขาดทุน และปล่อยให้มันแย่ลง
ไป เช่น 12% หลังจากนั้นกลายเป็น 30%, 40%, 50% คุณรู้ไหม มันไม่ง่ายเลยนะที่จะตัด
ขาดทุนออกมา การตัดขาดทุน ณ จุดนั้นไม่ง่ายเลย การตัดขาดทุนที่ง่ายที่สุด คือต้องตัดตั้งแต่
แรกครับ ดังนั้น จงใช้โอกาสที่คุณมี…
ผมอยากจะเพิ่มเติมอีกหน่อยครับว่า… การขาดทุนครั้งใหญ่ๆ นั้น เริ่มจากการขาดทุนน้อยๆ มา
ก่อนทั้งนั้น มันเริ่มจากจุดเล็กๆ มาก่อนทั้งนั้นเลย มันจึงง่ายที่สุดที่จะตัดขาดทุนตั้งแต่แรกๆ …
ขอให้ตัดขาดทุนได้อย่างไม่ลังเลใจนะครับ
แมงเม่าคลับเกี่ยวกับทัศนคติเรื่องการเก็งกำไร เรื่องนี้สำคัญมาก นักเก็งกำไรยิ่งใหญ่หลายๆคน
มีทัศนคติเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร และการ Stoploss ให้ถูกที่ถูกเวลาสำคัญขนาดไหน
หลังจากเขียน Point and Figure เสร็จผมจะพยายามรวบรวมบทความเกี่ยวกับเรื่องการ
Stoploss ว่ามันสำคัญอย่างไรในการเริ่มเล่นหุ้น และเราจะเผชิญหน้ากับความกลัวกับเรื่องนี้
อย่างไร
“Survive first, Profit later”
อยู่ให้รอดก่อน แล้วค่อยทำกำไร” “
จอร์จ โซรอส
"Don't Focus on making money, Focus on protecting what you have"
อย่ามุ่งมั่นกับการ ทำกำไรเกินไป จงให้ความสำคัญที่จะรักษาเงินต้นคุณมากกว่า" "
Paul Tudor Jones
การทำกำไรนั้นไม่ใช่ เป้าหมายที่สำคัญที่สุด ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญกว่านั้น และสิ่งที่สำคัญกว่า
การทำกำไรก็คือ การรักษาเงินทุนของคุณเอาไว้ การรักษาเงินทุนของคุณเอาไว้คือสิ่งที่สำคัญ
กว่า ! ผมจะยกตัวอย่างจากคำพูดของเซียนหุ้นบางคนให้คุณฟัง และคนที่พูดไว้ได้ดีคนหนึ่งก็คือ
Paul Tudor Jones… Paul Tudor Jones คือเซียนหุ้นคนหนึ่งซึ่งเคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ใน
หนังสือ The Market Wizards ซึ่งเขียนโดย Jack Schwager เมื่อปี 1989 ตัวของ Paul
Tudor Jones นั้น โด่งดังขึ้นมาจากการที่เขาเป็นผู้จัดการกองทุน เพียงไม่กี่คนที่สามารถทำ
กำไรได้มากกว่า 100% ติดต่อกันถึง 5 ปี มากกว่า 100% ติดต่อกันในเวลา 5 ปีเชียวนะครับ ซึ่ง
ในช่วงกลางปี 80 นั้น หากคุณลงทุนในกองทุนของเขา 4 ปีเงิน $ 1,000 จะกลายเป็นเงินถึง
ประมาณ $ 17,500 เขาคือคนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งในตลาดหุ้นเลยทีเดียว แต่
ถึงแม้ว่าเขาจะประสบความสำเร็จอย่างมากก็ตาม คำแนะนำของเขากลับดูง่ายดายเหลือเกิน เขา
พูดว่า “อย่าคิดแต่จะทำกำไร แต่คิดว่าจะรักษาเงินทุนของคุณไว้ได้อย่างไร” แน่นอนครับ ! การ
ทำกำไรนั้นสำคัญ แต่การรักษาเงินทุนเอาไว้นั้น สำคัญกว่า
Steven Waugh อดีตกัปตันทีมคริกเก็ตของออสเตรเลียนั้น เคยถูกถามไว้ว่า อะไรคือคำแนะนำ
ที่ดีที่สุดของคุณ? เขาพูดง่ายๆ ว่า “อย่าบุกมากเกิน ไป” ซึ่งสิ่งที่ Waugh ต้องการที่จะบอกก็
คือ… “อย่าคิดแต่จะทำแต้ม แต่จงป้องกันให้ดีก่อน” แน่นอนการทำคะแนนนั้นสำคัญ แต่ก็มีสิ่ง
หนึ่งที่สำคัญกว่า นั่นคือการรักษาแต้มของเราไว้ ! เช่นกันครับ การทำกำไรนั้นสำคัญ แต่สิ่ง
สำคัญกว่านั้นคือ… รักษาเงินทุนเริ่มต้นของคุณเอาไว้ ถ้าคุณเสียมันไป คุณจะไม่มีเงินไว้ทำ
กำไรอีกเลย ซึ่งผมต้องเสียใจกับคุณด้วย คุณควรต้องเปลี่ยนทัศนคติของคุณใหม่ จากการมอง
โลกในแง่ดีเกินไปในเรื่องของความเสี่ยง จงเล่นเกมรับ ! รักษาเงินทุนของเราเอาไว้ จงตั้งจุดตัด
ขาดทุนเอาไว้ ! ต้องจัดสรรเงินทุนของเราให้เหมาะกับความเสี่ยง และจัดการกับความเสี่ยงของ
เราให้ดี
นี่คือประโยคต่อไปที่คุณควรจะจำไว้จาก Ed Seykota เซียนหุ้นอีกคนซึ่งได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้
เขาบอกไว้ว่ามี 3 สิ่งที่สำคัญในการเก็งกำไร โดยจากผลการลงทุนในช่วง 16 ปีของเขาหรือ
ตั้งแต่ประมาณปี 73 ถึงประมาณปลายปี 80 นั้น กองทุนของเขาทำผลงานได้อย่างเยี่ยมยอด
มาก โดยการเติบโตขึ้นถึง 250,000% นี่เป็นผลงานที่น่านับถือมากๆ แต่คำแนะนำของเขานั้น
ง่ายเหลือเกิน เขาบอกว่ามีอยู่ 3 สิ่งที่สำคัญในการเก็งกำไร นั่นคือ “ตัดขาดทุน ตัดขาดทุน และ
ตัดขาดทุน !!”
ผมมีอีก ประโยคที่น่าสนใจ “การตัดขาดทุน คือกุญแจสำคัญในการทำกำไร” นั่นหมายความว่า
การจะทำกำไรให้ได้นั้น คือการไม่ปล่อยให้เราขาดทุนมากเกินไป นี่เป็นลักษณะที่สำคัญของนัก
เก็งกำไรที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งคุณยังจะได้ยินต่อไปเรื่อยๆ นี่เป็นเพียงบางส่วนจากการให้
สัมภาษณ์ของพวกเขาในหนังสือ The Market Wizards ซึ่งผลการลงทุนของพวกเขาบางคนนั้น
แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำได้ ผมค่อนข้างโชคดีมากที่ได้รู้จักกับเซียนหุ้นท่านหนึ่งที่เคยให้
สัมภาษณ์ไว้ ในหนังสือ The Market Wizards เขาคือ Mark D. Cook ซึ่งไม่น่าเชื่ออีกว่า เขา
นั้นเป็นเพื่อนสนิทกับ Marty Schwartz เซียนหุ้นระดับโลกอีกคน เขาบอกกับผมว่า “Marty คือ
คนที่แพ้เก่งที่สุดที่คุณเคยเจอ” ผมอยากให้คุณลองคิดดูดีๆ สักครู่ สมมุติว่าคุณเป็นนักเล่นหุ้น
และถามผมว่า “อะไรคือคำแนะนำที่ดีที่สุด?” และผมบอกว่า “ผมอยากให้คุณเป็นคนที่แพ้เก่ง
ที่สุด” คุณอาจจะต่อยผมแล้วเดินจากไปก็ได้… “ผมต้องการให้คุณเป็นคนที่แพ้เก่งที่สุดครับ” ใน
การเก็งกำไร นั้น คนที่แพ้เก่งที่สุดต่างหาก… จะกลายเป็นผู้ชนะในระยะยาว Mark Cook บอก
กับผมว่า เขารู้จักเพื่อนคนนี้ดีที่สุด… “เขาเป็นคนที่ตัดขาดทุนได้เก่งที่สุด เท่าที่ผมได้เคยพบมา
โดยไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย !” เขาคือสุดยอดที่ผมเคยเจอ และสำหรับผู้ถูกสัมภาษณ์ไว้ใน
หนังสือคนอื่นๆ นั้น คำแนะนำของพวกเขาก็ง่ายๆ เช่นกัน นั่นคือการเรียนรู้ที่จะตัดขาดทุน
สิ่งสำคัญที่สุดในการ ทำกำไร คือการไม่ปล่อยให้ขาดทุนมากจนเกินไป พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้
ฉลาดไปกว่าคุณบางคนเลย… มีใครบ้างไหมที่เคยขาดทุนในห้องนี้? ผมคิดว่าทุกคนคงจะยกมือ
ขึ้นใช่ไหมครับ พวกเราเคยขาดทุนกันมาแล้วทั้งนั้น แน่นอน มันไม่มีความสุขแน่ๆ แต่สิ่งที่สำคัญ
ที่สุด… คือการเรียนรู้ที่จะตัดขาดทุน พวกเราทุกคนรู้ดีว่าเมื่อเราขาดทุน และปล่อยให้มันแย่ลง
ไป เช่น 12% หลังจากนั้นกลายเป็น 30%, 40%, 50% คุณรู้ไหม มันไม่ง่ายเลยนะที่จะตัด
ขาดทุนออกมา การตัดขาดทุน ณ จุดนั้นไม่ง่ายเลย การตัดขาดทุนที่ง่ายที่สุด คือต้องตัดตั้งแต่
แรกครับ ดังนั้น จงใช้โอกาสที่คุณมี…
ผมอยากจะเพิ่มเติมอีกหน่อยครับว่า… การขาดทุนครั้งใหญ่ๆ นั้น เริ่มจากการขาดทุนน้อยๆ มา
ก่อนทั้งนั้น มันเริ่มจากจุดเล็กๆ มาก่อนทั้งนั้นเลย มันจึงง่ายที่สุดที่จะตัดขาดทุนตั้งแต่แรกๆ …
ขอให้ตัดขาดทุนได้อย่างไม่ลังเลใจนะครับ
เศรษฐศาสตร์แห่งความจริง forex
สวัสดีครับวันนี้ผมเอาบทความดีๆมานำเสนอเรื่องจริงที่หลายๆคนยังคงสับสน
จะขอเริ่มต้นด้วยการแยกเรื่องราวทางเศรษฐกิจออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก คือ ส่วนที่
ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตลาดเก็งกำไร เช่น เรื่องของ ดอกเบี้ย เงินเฟ้อ การคำนวณ GDP
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุน หรือเรื่องของการทำธุรกิจ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เรา
สามารถคิดได้อย่างเป็นเหตุ เป็นผล, ใช้เหตุผลตรงไปตรงมาในระดับปกติธรรมดาในการ
คิดได้ ส่วนที่สอง เป็นเรื่องของตลาดเก็งกำไร เช่นตลาดหุ้น ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
ตลาดซื้อขายล่วงหน้า ตลาดซื้อขายทอง ตลาดซื้อขายน้ำมัน ฯลฯ ตลาดเก็งกำไร
เหล่านี้ไม่ได้มีเหตุผลตรง ๆ ในแบบที่เราคิดกัน ไม่สามารถใช้เหตุผลในระดับปกติ
ธรรมดา แบบที่เราใช้ในการทำธุรกิจ ฯลฯ ในการเอาชนะ หรือคาดการณ์ทิศทางราคาให้
ถูกต้องได้ เราจึงเห็น คนเก่ง ๆ มีการศึกษาสูง เป็น ด็อกเตอร์ เป็นหมอ เป็นนักวิชาการ
เป็นนักธุรกิจ ที่ประสบความสำเร็จ หาเงินได้มากจนร่ำรวย พอมาเล่นหุ้นกลับขาดทุน
คาดการณ์ทิศทางราคาผิดตลอด เพราะหลักการเหตุผลมันคนละอย่างกัน วิธีการหลักคิด
ที่ใช้ในการทำธุรกิจ แล้วประสบความสำเร็จจนร่ำรวย พอเอาหลักการเหตุผล มาใช้ใน
ตลาดหุ้นกลับขาดทุน เพราะตลาดหุ้นไม่ได้มีเหตุผลตรง ๆในแบบที่เราคิดกันแต่อยู่
เหนือกฎเกณฑ์ของเหตุและผล ถ้าตลาดหุ้นเป็นเหตุ เป็นผลและใช้เหตุผลวิเคราะห์
คาดการณ์ทิศทางราคาได้ คนเก่ง ๆ มาเล่นหุ้นต้องได้กำไรไม่ใช่ขาดทุนกันเป็นส่วน
ใหญ่เช่นนี้ อ่านต่อ
ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตลาดเก็งกำไร เช่น เรื่องของ ดอกเบี้ย เงินเฟ้อ การคำนวณ GDP
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุน หรือเรื่องของการทำธุรกิจ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เรา
สามารถคิดได้อย่างเป็นเหตุ เป็นผล, ใช้เหตุผลตรงไปตรงมาในระดับปกติธรรมดาในการ
คิดได้ ส่วนที่สอง เป็นเรื่องของตลาดเก็งกำไร เช่นตลาดหุ้น ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
ตลาดซื้อขายล่วงหน้า ตลาดซื้อขายทอง ตลาดซื้อขายน้ำมัน ฯลฯ ตลาดเก็งกำไร
เหล่านี้ไม่ได้มีเหตุผลตรง ๆ ในแบบที่เราคิดกัน ไม่สามารถใช้เหตุผลในระดับปกติ
ธรรมดา แบบที่เราใช้ในการทำธุรกิจ ฯลฯ ในการเอาชนะ หรือคาดการณ์ทิศทางราคาให้
ถูกต้องได้ เราจึงเห็น คนเก่ง ๆ มีการศึกษาสูง เป็น ด็อกเตอร์ เป็นหมอ เป็นนักวิชาการ
เป็นนักธุรกิจ ที่ประสบความสำเร็จ หาเงินได้มากจนร่ำรวย พอมาเล่นหุ้นกลับขาดทุน
คาดการณ์ทิศทางราคาผิดตลอด เพราะหลักการเหตุผลมันคนละอย่างกัน วิธีการหลักคิด
ที่ใช้ในการทำธุรกิจ แล้วประสบความสำเร็จจนร่ำรวย พอเอาหลักการเหตุผล มาใช้ใน
ตลาดหุ้นกลับขาดทุน เพราะตลาดหุ้นไม่ได้มีเหตุผลตรง ๆในแบบที่เราคิดกันแต่อยู่
เหนือกฎเกณฑ์ของเหตุและผล ถ้าตลาดหุ้นเป็นเหตุ เป็นผลและใช้เหตุผลวิเคราะห์
คาดการณ์ทิศทางราคาได้ คนเก่ง ๆ มาเล่นหุ้นต้องได้กำไรไม่ใช่ขาดทุนกันเป็นส่วน
ใหญ่เช่นนี้ อ่านต่อ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)